ระบบการเงิน (financial system) เปรียบเสมือนระบบหมุนเวียนโลหิตของร่างกายที่สูบฉีดโลหิตไปยังอวัยวะต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานของอวัยวะแต่ละส่วนเป็นปกติ ถ้าระบบหมุนเวียนโลหิตไม่ดี การทำงานของอวัยวะก็บกพร่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบร่างกาย ระบบการเงินจะเกี่ยวกับสภาพคล่อง (liquidity) ในการดำเนินงาน เกี่ยวข้องกับการจัดการเงินสดหมุนเวียน ถ้าธุรกิจขาดเงินทุน อาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นทั้งโดยตรงและทางอ้อม โดยที่การจัดการทางการเงินจะมีหน้าที่สำคัญ 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1. การพยากรณ์ (forecast) การศึกษา วิเคราะห์ การคาดกราณ์ การกำหนดทางเลือก และการวางแผนทางด้านการเงินของธุรกิจ เพื่อใช้ทรัพยากรทางการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนักการเงินสามารถใช้หลักการทางสถิติและแบบจำลองทางคณิตศาสตร์มาประยุกต์ การพยากรณ์ทางการเงิน จะอาศัยข้อมูลจากทั้งภายในและภายนอกองค์การ ตลอดจนประสบกราณ์ของผู้บริหารในการตัดสินใจ
2. การจัดการด้านการเงิน (financial management) เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น รายรับและรายจ่าย การหาแหล่งเงินทุนจากภายนอก เพื่อที่จะเพิ่มทุนขององค์การ โดยวิธีการทางการเงิน เช่น การกู้ยืม การออกหุ้นหรือตราสารทางการเงินอื่น เป็นต้น
3. การควบคุมทางการเงิน (financial control) เพื่อติดตามผล ตรวจสอบ และประเมินตวามเหมาะสมในการดำเนินงานว่าเป็นไปตามแผนที่กำหนดหรือไม่ ตลอดจนวางแนวทางแก้ไขหรือปรับปรุงให้การดำเนินงานทางการเงินของธุรกิจมีประสิทธิภาพ โดยที่การตรวจสอบและการควบคุมการทางการเงินของธุรกิจสามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภทดังต่อไปนี้
- การควบคุมภายใน (internal control)
- การควบคุมภายนอก (external control)
ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (finalncial information system) เป็นระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นสำหรับสนับสนุนกิจกรรมทางด้านการเงินขององค์การ ตั้งแต่การวางแผน การดำเนินงาน และการควบคุมทางด้านการเงิน เพื่อให้การจัดการทางการเงินเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยที่แหล่งข้อมูลสำคัญในการบริหารเงินขององค์การมีดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลจากการดำเนินงาน (operatins data) เป็นข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติงานของธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการควบคุม ตรวจสอบ และปรับปรุงแผนการเงินขององค์การ
2. ข้อมูลจากการพยากรณ์ (forecasting data) เป็นข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมและประมวลผล เช่น การประมาณค่าใช้จ่ายและยอดขายที่ได้รับจากแผนการตลาด โดยใช้เทคนิคและแบบจำลองการพยากรณ์ โดยที่ข้อมูลจากการพยากรณ์ถูกใช้ประกอบการวางแผน การศึกษาความเป็นไปได้ และการตัดสินใจลงทุน
3. กลยุทธ์องค์การ (corporate strategy) เป็นเครื่องกำหนดและแสดงวิสัยทัศน์ ภารกิจ วัตถุประสงค์ แนวทางการประกอบธุรกิจในอนาคต เพื่อให้องค์การบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ โดยที่กลยุทธ์จะเป็นแผนหลักที่แผนปฏิบัติการอื่นต้องถูกจัดให้สอดคล้องและส่งเสิรมความสำเร็จของกลยุทธ์
4. ข้อมูลจากภายนอก (external data) ข้อมูลทางเศรษฐกิจและการเงิน สังคม การเมือง และปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อธุรกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นต้น โดยข้อมูลจากภายนอกจะแสดงแนวโน้มในอนาคตที่ธุรกิจต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานกราณ์
ระบบสารสนเทศด้านการบัญชีและระบบสารสนเทศด้านการเงินจะมีความสัมพันธ์กัน เนื่องจากข้อมูลทางการบัญชีจะเป็นข้อมูลสำหรับการประมวลผลและการตัดสินใจทางการเงิน โดยนักการเงินจะนำตัวเลจทางการบัญชีมาประมวลผลตามที่ตนต้องการ เพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับสนับสนุนการตัดสินใจทางการเงิน
- การควบคุมภายใน (internal control)
- การควบคุมภายนอก (external control)
1. ข้อมูลจากการดำเนินงาน (operatins data) เป็นข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติงานของธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการควบคุม ตรวจสอบ และปรับปรุงแผนการเงินขององค์การ
2. ข้อมูลจากการพยากรณ์ (forecasting data) เป็นข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมและประมวลผล เช่น การประมาณค่าใช้จ่ายและยอดขายที่ได้รับจากแผนการตลาด โดยใช้เทคนิคและแบบจำลองการพยากรณ์ โดยที่ข้อมูลจากการพยากรณ์ถูกใช้ประกอบการวางแผน การศึกษาความเป็นไปได้ และการตัดสินใจลงทุน
3. กลยุทธ์องค์การ (corporate strategy) เป็นเครื่องกำหนดและแสดงวิสัยทัศน์ ภารกิจ วัตถุประสงค์ แนวทางการประกอบธุรกิจในอนาคต เพื่อให้องค์การบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ โดยที่กลยุทธ์จะเป็นแผนหลักที่แผนปฏิบัติการอื่นต้องถูกจัดให้สอดคล้องและส่งเสิรมความสำเร็จของกลยุทธ์
4. ข้อมูลจากภายนอก (external data) ข้อมูลทางเศรษฐกิจและการเงิน สังคม การเมือง และปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อธุรกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นต้น โดยข้อมูลจากภายนอกจะแสดงแนวโน้มในอนาคตที่ธุรกิจต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานกราณ์
ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (Financial Information Systems)
ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (Financial Information Systems)1) การเงินของบริษัท 2) การจัดสรรและควบคุมแหล่งการเงินภายในบริษัท ประเภทของระบบ
สารสนเทศทางการเงินที่สำคัญที่รวมการจัดการเงินสดและการลงทุน การทำงบประมาณการเงิน
การคาดการณ์ทางการเงิน และการวางแผนทางการเงิน ตามรูปที่ 1
การจัดการเงินสด (Cash Management)ระบบการจัดการด้านเงินสด รวบรวมสารสนเทศจากใบเสร็จรับเงินและการจ่ายเงินเวลาตามจริง
(Realtime) หรือเป็นระยะเวลาสม่ำเสมอ ข้อมูลเหล่านั้นทำให้ธุรกิจสามารถนำเข้าหรือขยายเงินทุน
ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การเพิ่มรายได้เกิดขึ้นจากเงินทุนที่นำเข้าหรือใช้ในการลงทุน ระบบนี้ยังช่วย
คาดการณ์เรื่องการรับเงินสดหรือเงินที่ต้องจ่ายในอนาคตหรือ การคาดการณ์การไหลเวียนด้านการเงิน
(Cash Flow Forecasts) เพื่อตรวจตราการขาดดุลเงินสดหรือการมีรายรับมากกว่ารายจ่าย
สามารถใช้เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องโปรแกรมการสะสมเงินสดให้ดีที่สุดและหาทาง เลือกด้านการ
จัดการการเงินหรือกลยุทธ์ในการลงทุน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขาดดุลเงินสดหรือการมีรายรับมากกว่า
รายจ่ายในอนาคต
รูปที่ 1 ตัวอย่างของความสัมพันธ์ของระบบสารสนเทศด้านการเงิน
งบประมาณเงินลงทุน (Capital Budgeting )ในกระบวนการเรื่องงบประมาณเงินลงทุน เกี่ยวข้องกับการประเมินความเป็นไปได้ในการทำผลกำไรและผลกระทบจากการใช้จ่าย เงินทุนที่ได้วางแผนไว้ ค่าใช้จ่ายระยะยาวสำหรับเครื่องจักรกลขนาดใหญ่และเครื่องมือต่างๆสามารถ วิเคราะห์โดยการใช้เทคนิคมากมาย ระบบงานนี้ทำให้เกิดการใช้รูปแบบตารางทำการ (Spreadsheet) ซึ่งวิเคราะห์มูลค่าในปัจจุบันของการไหลเวียนเงินสด และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการเสี่ยงในเรื่องการให้ผลดีที่สุดของเงินทุน โครงการสำหรับธุรกิจ
การคาดการณ์และการวางแผนด้านการเงิน (Financial Forecasting and Planning)การวิเคราะห์ด้านการเงินโดยปกติแล้ว จะใช้ตารางทำการและซอฟต์แวร์การวางแผนด้านการเงิน (Financial Planning Software) เพื่อประเมินสภาพปัจจุบันและผลการทำงานด้านการเงินของโครงการของธุรกิจ ช่วยในการหาข้อสรุปทางด้านความต้องการด้านการเงินของธุรกิจและวิเคราะห์วิธี การอื่นๆ ทางด้านการเงินอีกด้วย การวิเคราะห์การคาดการณ์ด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางด้าน เศรษฐกิจ การดำเนินงานของธุรกิจ ประเภทของการเงินที่ได้รับ อัตราดอกเบี้ย ตลาดหุ้น และราคาพันธบัตร ช่วยพัฒนาการวางแผนและจัดการแบบจำลองทางด้านการเงินสำหรับธุรกิจ เช่น Electronic Spreadsheet Package, DSS และ Web-based Groupware
ระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง (Transaction Processing System - TPS)การประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง (Transaction Processing)ระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง เป็นระบบสารสนเทศ ซึ่งประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจากการเกิดขึ้นของการทำรายการเปลี่ยนแปลง รายการเปลี่ยนแปลง (Transaction) เป็นเหตุการณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ เช่น การขาย การจัดซื้อ การฝากเงิน การถอนเงิน การคืนเงิน และการจ่ายเงิน ลองคิดตามตัวอย่างของการสร้างข้อมูลขึ้นมาเมื่อมีการขายสินค้าให้กับลูกค้า ด้วยการใช้เครดิต ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า สินค้า พนักงานขาย ร้านค้า และอื่นๆ ที่ต้องเก็บไว้และทำการประมวลผล แล้วยังมีรายการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีกที่เกิดขึ้นตามมา อาทิเช่น การตรวจสอบเครดิต การออกใบแจ้งหนี้เพื่อเก็บเงินจากลูกค้า การเปลี่ยนแปลงของสินค้าคงคลัง และการเพิ่มของยอดรายได้ที่คาดว่าจะได้รับ ดังนั้นงานด้านการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงได้มีบทบาทที่สำคัญในการสนับ สนุนการดำเนินงานขององค์กร
กลยุทธ์เครือข่ายระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง (Strategic TPS Networks)ระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง สามารถแสดงบทบาทในด้านกลยุทธ์ในการช่วยให้ได้รับข้อได้เปรียบในการแข่งขัน สำหรับธุรกิจ เช่น หลายๆ หน่วยงานกำลังใช้อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเครือข่ายอื่นๆ เพื่อทำให้พวกเขาสามารถติดต่อกับลูกค้าหรือบริษัทผู้จัดหาสินค้า หรือเพื่อการประมวลผลทางรายการเปลี่ยนแปลงผ่านระบบออนไลน์ (Online Transaction Processing - OLTP) ระบบนี้ซึ่งสามารถจัดการและประมวลรายการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีทันใด สามารถช่วยให้หน่วยงานเหล่านั้นให้บริการที่ดีกว่าแก่ลูกค้าและหุ้นส่วนทาง ธุรกิจ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นนี้เองได้เพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการ อันเป็นแนวทางที่สำคัญในการทำให้พวกเขามีความแตกต่างไปจากคู่แข่งขัน
วงจรการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง (Transaction Processing Cycle)ระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง เก็บและประมวลผลข้อมูลตามที่ได้จากการทำรายการเปลี่ยนแปลง จากนั้นจะทำการปรับปรุงแฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูลของหน่วยงานให้เป็นปัจจุบัน และจัดทำสารสนเทศในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อการใช้ภายในและภายนอกหน่วยงาน รูปที่ 2 ได้แสดงให้เห็นภาพของวงจรการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีด้วยกัน 5 ขั้นตอนคือ 1) กระบวนการรับข้อมูลเข้า 2) งานประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง 3) งานด้านประมวลผลแฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูล 4) การจัดทำเอกสารและรายงาน 5) งานประมวลผลตามที่ได้รับการขอมา
รูปที่ 2 วงจรการประมวลผลงานรายการเปลี่ยนแปลงของระบบงานประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง
1. การนำเข้าข้อมูลแบบดั้งเดิม (Traditional Data Entry)วิธีการนำเข้าข้อมูลแบบเดิมนั้นโดยปกติขึ้นอยู่กับระบบสารสนเทศ ผู้ใช้หาข้อมูลบนแหล่งที่เป็นเอกสาร (Source Documents) เช่น ใบสั่งซื้อ ใบจ่ายเงินเดือน และแบบฟอร์มการขายสินค้า เอกสารเหล่านี้โดยปกติแล้วจะป้อนลงไปในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสะสมเป็นจำนวนมากและเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่อง พนักงานหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการใส่ข้อมูลจะใส่ข้อมูลผ่านแป้นพิมพ์ของสถานี งานป้อนข้อมูล หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของเครือข่าย งานแบบเดิมนี้ต้องใช้งาน คน และสื่อข้อมูลจำนวนมาก ผลที่ได้รับนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายสูงแล้ว ยังมีข้อผิดพลาดสูงอีกด้วย ดังนั้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่การนำเข้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอัตโนมัติ
2. การนำเข้าข้อมูลจากแหล่งอัตโนมัติ (Source Data Automation)การใช้วิธีการอัตโนมัติในการนำข้อมูลเข้า หรือการนำเข้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอัตโนมัติ มีกระบวนการรับข้อมูลเข้าเป็นอัตโนมัติ เพื่อลดข้อจำกัดในเรื่องปริมาณงาน บุคลากร และสื่อข้อมูลที่ต้องใช้ในการนำเข้าข้อมูลแบบเดิม รูปที่ 3 เป็นตัวอย่างของการนำเข้าจากแหล่งข้อมูลอัตโนมัติของระบบการประมวลผลรายการ เปลี่ยนแปลงของงานขาย ซึ่งควรกระทำดังนี้
- จัดเก็บข้อมูลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากการทำรายการเปลี่ยนแปลง หรือ หลังจากเหตุการณ์ขายเกิดขึ้นโดยการใช้สถานีงาน (Terminal) ณ จุดขาย (POS)
- จัดเก็บข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลงให้ใกล้ชิดที่สุดกับแหล่งที่เกิดข้อมูล พนักงานขายที่สถานีงาน จัดเก็บและแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้อง ณ จุดขาย
- จัดเก็บข้อมูลโดยการใช้สื่อที่อ่านได้โดยเครื่องจักรกลโดยตรง เช่น ป้ายบาร์โค๊ด แถบแม่เหล็ก แถบแม่เหล็กหลังบัตรเครดิต
- จัดเก็บข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงไม่บ่อยนักโดยการใส่ไว้ในสื่อที่อ่านได้โดยเครื่องจักรกล หรือ เก็บไว้ล่วงหน้าในระบบคอมพิวเตอร์
- เก็บข้อมูลโดยตรงโดยปราศจากการใช้สื่อข้อมูล เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสบาร์โค๊ดบนสินค้า
รูปที่ 3 ตัวอย่างการนำเข้าข้อมูลอัตโนมัติของการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงด้านการขาย
การประมวลผลแบบชุด (Batch Processing)ระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงได้ประมวลผลข้อมูลด้วย 2 วิธีการพื้นฐานก็คือ 1) การประมวลผลแบบชุด หมายถึง ข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลงจะถูกสะสมกันในช่วงเวลาหนึ่ง และจะนำไปประมวลตามระยะเวลาที่สม่ำเสมอ เช่น 1 วันหรือ 1 สัปดาห์ เป็นต้น 2) การประมวลผลตามเวลาจริงหรือ ณ เวลาปัจจุบัน เรียกได้อีกอย่างว่า การประมวลผลออนไลน์ ซึ่งข้อมูลจะถูกนำไปประมวลผลทันทีหลังจากการเกิดรายการเปลี่ยนแปลง
ในเรื่องการประมวลผลแบบชุดนั้น ข้อมูลของรายการเปลี่ยนแปลงจะถูกรวบรวมในระยะเวลาหนึ่งและประมวลผลเป็นระยะ สม่ำเสมอ การประมวลผลแบบชุดโดยปกติแล้ว มักเกี่ยวข้องกับ
- การเก็บเอกสารจากแหล่งที่เกิดการทำรายการเปลี่ยนแปลงโดยตรง เช่น ใบสั่งซื้อ ใบเสนอราคา รวมกันเป็นชุดหรือกลุ่ม เรียกว่า แบท (Batches)
- การบันทึกข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลงบนสื่อประเภทเดียวกัน เช่น จานแม่เหล็ก เทปแม่เหล็ก
- การจัดเรียงรายการเปลี่ยนแปลงบนแฟ้มข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลงในลำดับแบบเดียวกันกับที่ทำในแฟ้มข้อมูลหลัก
- การประมวลผลข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลงและการสร้างแฟ้มข้อมูลหลักให้ข้อมูลเป็น ปัจจุบัน และเอกสารหลายประเภท เช่น ใบเสนอราคาของลูกค้า และการจ่ายเงินด้วยเช็ค
รูปที่ 4 ตัวอย่างของระบบการประมวลผลแบบชุด: ชุดของการนำเช็คเข้าฝากได้ถูกรวบรวมและประมวลผลเป็นรายวันในธุรกิจธนาคาร
ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบ (Advantages and Disadvantages)การประมวลผลแบบชุดนั้น เป็นวิธีที่ดีทางด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งทำการประมวลผลเมื่อมีจำนวนข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลงจำนวนมากๆ จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมสำหรับหลายๆระบบงานที่ไม่จำเป็นจะต้องปรับปรุงฐาน ข้อมูลให้เป็นปัจจุบันในทันที หรือการออกเอกสารและรายงานจะกระทำเมื่อมีการขอตามตารางเวลางานเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการประมวลผลแบบชุดนี้ก็มีข้อเสียบางประการ แฟ้มข้อมูลหลักจะล้าสมัยระหว่างตารางการประมวลผล การจัดการเพื่อให้ได้ตามที่มีการขอมาก็ไม่อาจทำได้ทันทีทันใด ด้วยสาเหตุนี้ ระบบงานจำนวนมากจึงใช้ระบบการประมวลผลตามเวลาจริง
การประมวลผลตามเวลาจริง (Realtime Processing)
ในระบบการประมวลผลนั้น ประสิทธิภาพของการประมวลผลตามเวลาจริงจะทำให้เกิดข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลง ทันทีและแสดงผลให้แก่ผู้ใช้ได้ทันที ระบบที่นิยมใช้ทั่วไปเรียกว่า การประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงแบบออนไลน์ (Online Transaction Processing - OLTP) ข้อมูลจะถูกนำเข้าโดยตรงจากระบบคอมพิวเตอร์จากสถานีงานที่ทำรายการเปลี่ยน แปลง และจะเก็บรายการเปลี่ยนแปลงไว้ในแฟ้มข้อมูลที่เข้าถึงได้ออนไลน์ แฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูลจะได้รับการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันทันทีเมื่อไรก็ ตามที่ข้อมูลได้เกิดขึ้น ทำให้สามารถจะสืบค้นข้อมูลได้ทันที การประมวลผลตามเวลาจริงขึ้นอยู่กับอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ต และเครือข่ายอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงโทรคมนาคมระหว่างสถานีงานที่ทำรายการเปลี่ยนแปลง กับ แม่ข่ายและคอมพิวเตอร์อื่นๆ
กระบวนการป้องกันการล่มของระบบ (Fault Tolerant Processing)สายการบิน ธนาคาร บริษัทโทรศัพท์และหลายๆ หน่วยงาน ต้องพึ่งพาระบบป้องกันการล่มของระบบ ( Fault Tolerant Systems) เพื่อป้องกันความล้มเหลวในการใช้ระบบงานการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงแบบอ อนไลน์ เช่น ระบบการจองตั๋วของสายการบิน ระบบการโอนเงินอัตโนมัติของธนาคารและระบบงานทางด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้กระบวนการป้องกันการล่มของระบบ มีประสิทธิภาพในการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงแบบไม่มีหยุด (Nonstop Realtime Transaction Processing) ซึ่งทำให้การทำงานสามารถทำต่อได้แม้ว่าจะมีส่วนใดส่วนหนึ่งของแฟ้มข้อมูลจะ ใช้งานไม่ได้ก็ตาม (System Fail)
Fault Tolerant Processing อาจใช้การออกแบบ Multiprocessor โดยใช้ CPU สองตัว หรือใช้การออกแบบแบบ Parallel Processor ของหลาย Microprocessors เพื่อสร้าง Back up Failover ที่มีประสิทธิภาพ อาจมีหน่วยความจำ ดิสก์ไดร์ฟ และอุปกรณ์อื่นๆ เหมือนกับเป็นการทำซ้ำของซอฟต์แวร์ นอกจากนี้หลายๆ บริษัทยังจัดการเครือข่ายที่มีความสัมพันธ์กับอินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ต ในรูปแบบ Web Farms หรือ Server Farms ทำให้แหล่งประมวลผลของบริษัทขนาดใหญ่สามารถทำงานแบบบูรณาการ อันทำให้เกิดประสิทธิภาพของแต่ละแม่ข่ายที่สามารถทำการสำรองได้โดยแม่ข่าย อีกตัวหนึ่งในเครือข่าย
ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบ
การประมวลแบบตามเวลาจริง จะทำการปรับปรุงฐานข้อมูลและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ในทันทีทันใด การประมวลผลแบบตามเวลาจริงนี้จึงเป็นประโยชน์กับระบบงานที่มีการเปลี่ยนแปลง บ่อยๆ และจะต้องทำในเวลาอันสั้นเพื่อให้ข้อมูลทันสมัย
ระบบการประมวลผลตามเวลาจริงมีข้อเสียเปรียบ เพราะว่าเป็นระบบออนไลน์ เครือข่ายการประมวลผลสามารถเข้าถึงได้โดยตรง ต้องมีการป้องกันพิเศษเพื่อป้องกันฐานข้อมูล ดังนั้น หลายระบบตามเวลาจริง (Realtime Systems) ใช้แฟ้มข้อมูลเทปแม่เหล็กเพื่อเก็บการควบคุมรายการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ เกิดขึ้น (Control Logs) หรือเพื่อเป็นการข้อมูลสำรอง การควบคุมที่นอกเหนือไปจากนี้ได้ถูกสร้างไว้แล้วในซอฟต์แวร์และเครือข่ายจะ ทำหน้าที่ป้องกันการเข้าใช้ข้อมูลของผู้ไม่มีสิทธิ์ (Unauthorized) หรืออุบัติเหตุที่ทำให้ข้อมูลเสียหาย นอกจากนี้ จะต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับความปลอดภัยหรือการล่มของระบบ ดังนี้ข้อได้เปรียบหลายประการของระบบประมวลผลตามเวลาจริงจึงต้องแลกกับค่า ใช้จ่ายพิเศษและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล อย่างไรก็ตาม องค์กรที่ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มีความเต็มใจที่จะจ่ายเพื่อแลกกับความเร็ว ประสิทธิภาพ และบริการที่ดีกว่า
การบำรุงรักษาฐานข้อมูล (Database Maintenance)การบำรุงรักษาฐานข้อมูลเป็นงานที่สำคัญของระบบการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง ฐานข้อมูลต้องมีบำรุงรักษาเพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยอยู่เสมอ ดังนั้นจึงต้องปรับปรุงฐานข้อมูลขององค์กรให้เป็นปัจจุบัน ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลมาจากการทำรายการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน เช่น การขายแบบให้เครดิตแก่ลูกค้าอาจทำให้เกิดยอดหนี้ของลูกค้าสูงขึ้นและจำนวน ของสินค้าคงคลังที่มีอยู่ในมือลดลง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ จะต้องปรากฏในข้อมูลของแต่ละระเบียนที่เก็บไว้ในฐานข้อมูลของบริษัท
ดังนั้น งานที่สำคัญอย่างหนึ่งของระบบการประมวลผลทางรายการเปลี่ยนแปลง คือ การปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยและบันทึกความเปลี่ยนแปลงในฐานข้อมูลของบริษัท ฐานข้อมูลเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในระบบสารสนเทศการจัดการ ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร และอื่นๆ
การจัดทำเอกสารและรายงานทั่วไป (Document and Report Generation)ขั้นตอนสุดท้ายของวงจรการประมวลผล คือ การจัดทำสารสนเทศในรูปของเอกสารและรายงาน เอกสารที่จัดทำโดยระบบการประมวลผลทางรายการเปลี่ยนแปลง เรียกว่า เอกสารรายการเปลี่ยนแปลง (Transaction Documents) เช่น
- เอกสารที่ทำให้การกระทำ (Action Document ) เอกสารนี้หมายถึงการกระทำเริ่มแรก (Initiate Actions) หรือรายการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้รับ (Recipients) เช่น ใบสั่งซื้อที่มีอำนาจในการจัดซื้อไปยังบริษัทผู้จัดหาสินค้า เช็คที่มีอำนาจให้ธนาคารทำการจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน
- เอกสารสารสนเทศ ( Information Document ) เอกสารนี้เกี่ยวข้องกับยืนยัน (Confirm) หรือ การรับรอง (Prove) จากผู้รับว่ารายการเปลี่ยนแปลงนั้นได้เกิดขึ้น เช่น ใบเสร็จรับเงินจากการขาย (Sale Receipts) ใบยืนยันการสั่งซื้อ (Sales Order Confirmations) ใบส่งสินค้าแก่ลูกค้า (Customer Invoices) และสามารถใช้เป็นเอกสารในการควบคุม (Control Documents) ตั้งแต่เมื่อมีการออกเอกสารเพื่อยืนยันรายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- เอกสารหมุนกลับหรือเอกสารที่นำกลับมาใช้อีก (Turnaround Document ) เอกสารทางรายการเปลี่ยนแปลงบางประเภทได้ออกแบบให้อ่านได้ด้วยแถบแม่เหล็ก (Magnetic) หรือเครื่องตรวจกวาด (Optical Scanner) ที่มีการออกแบบให้กลับคืนสู่ผู้ส่งได้ เช่น คอมพิวเตอร์ได้พิมพ์ใบเสนอราคาที่มีบางใบแจ้งราคาที่สามารถส่งกลับมาพร้อม กับการจ่ายเงิน อีกทั้งสามารถประมวลผลได้โดยอัตโนมัติโดยผ่านอุปกรณ์เครื่องตรวจกวาด
- รายการควบคุม (Control Listing ) เป็นรายงานรายละเอียดที่แสดงถึงแต่ละรายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละ ช่วงเวลา ที่เรียกว่า บันทึกทางรายการเปลี่ยนแปลง (Transaction Logs) เช่น รายชื่อของผู้ที่จะได้รับเงินเดือนจะลงทะเบียนไว้และรายชื่อนี้จะถูกพิมพ์ลง บนเช็คจ่ายเงินแต่ละใบด้วยระบบการจ่ายเงิน
- รายงานแก้ไข (Edit Reports) รายงานนี้แสดงถึงความผิดพลาดที่จับได้ระหว่างการประมวลผล เช่น หมายเลขผิด ข้อมูลขาด (Missing Data) และรายการควบคุมความผิดพลาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น